เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
สุพรรณบุรี, Thailand
ผู้หญิงอายุเยอะ น้ำหนักมาก รักแมว ชอบเที่ยวป่า ดูนก แต่ไม่ตกปลา เกิดที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช สุพรรณบุรี เป็นลูกคนแรกที่แม่ไปคลอดที่โรงพยาบาล โดยไม่ผ่านมือหมอตำแย เป็นคนสุพรรณฯ เลือดร้อย เรียนอนุบาลและป.1 ที่โรงเรียนอนุบาลเสริมศึกษา(ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว) ป.2-7 ที่โรงเรียนวัดสุวรรณภูมิ(ปัจจุบันคือโรงเรียนสุพรรณภูมิ ม.ศ.1-5 ที่โรงเรีงเรียนสงวนหญิง คบ.เอกเกษตรศาสตร์ จากวิทยาลัยครูพระนคร ศศบ. สารนิเทศาสตร์ จาก มสธ. กศม. การศึกษาผู้ใหญ่ จาก มศว. ปรด. จะจบหรือเปล่าไม่รู้ ที่ไหนยังไม่บอก เดี๋ยวจะทำสถาบันเสื่อมเสีย

วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เรียนรู้จากข้างเตียง

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2554 ฉันต้องเข้าไปรักษาตัวที่รงพยาบาลแห่งหนึ่ง เพราะเพียงแค่เยื่อโพรงจมูกอักเสบ จากภูมิแพ้ คุณหมอจึงต้องทำการจี้ในโพรงจมูกให้


เพราะเห็นว่านิดเดียวคุณหมอบอกว่านอนโรงพยาบาล 2 คืนก็กลับบ้านได้จึงไม่ได้บอกใคร เช้ามาก็สบายเป้เข้าเมือง ทั้งๆที่ปรกติจะสะพายเป้เข้าป่า



ห้องพิเศษเต็ม จึงต้องอยู่ห้องสามัญ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ต้องนอนโรงพยาบาลแล้วต้องนอนรวมกับคนไข้อื่นๆเป็นครั้งแรกในชีวิต



นับเป็นโชคดีจริงๆที่ฉันได้มีโอกาสได้ซึมซับความรับ ความอบอุ่น ของคนที่อยู่เตียงรอบ ๆ ได้มีโอกาสเห็นความอดทน ความเข้มแข็งของคนอื่น


ป้าบุญเรือนอายุ 69 ปีแล้ว หน้าตาผ่องใส คุยเก่ง ไม่น่าเชื่อว่าป้าเป็นมะเร็งกล่องเสียงระยะ 4 แล้ว คุณหมอที่โรงพยาบาลแนะนำว่าต้องย้ายไปโรงพยาบาลที่เครื่องมือครบ คุณหมอมีความชำนาญให้ เนื่องจากหากพลาด ก็คงเหมือนแหย่ผึ่งให้แตกรัง มะเร็งจะเข้าหลอดอาหาร จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว


ฉันมองไม่เห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของคุณป้า แต่สามีของคุณป้าที่มานั่งเฝ้าอยู่นั้นฉันสัมผัสได้ถึงความอาดูรในสายตาของคุณลุง



เมื่อคุณลุงกลับไป คุณป้าเล่าถึงความอบอุ่นในครอบครัว เล่าถึงลูกๆที่น่ารัก เล่าถึงความดีของคุณลุง สามสิบกว่าปีที่อยู่ด้วยกันมาไม่เคยทะเลาะกัน งานบ้านคุณลุงจะทำเองคุณป้าไม่ต้องทำอะไร


คุณป้าเป็นนักสังคมสงเคราะห์ มีจิตอาสาตัวยง คุณป้าดูแลแม่สามีที่อายุเก้าสิบกว่าปีด้วยความรัก ร้องเพลงเก่าๆ ให้แม่สามีฟัง คุณป้าสอนเด็กๆในชุมชนให้เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมไทย สอนให้เด็กรำไทย ให้ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์



คุณป้าบอกว่าจะไม่ยอมผ่าตัด เพราะอายุมากแล้ว และกลัวจะพูดไม่ได้ สอนเด็กๆไม่ได้



ฉันได้แต่ภาวนาว่าขอให้คุณป้าตัดสินใจผ่าตัดเพื่อรักษาชีวิตไว้ และผลการผ่าตัดจะต้องออกมาในทางที่บวกที่สุด


พัฒนรีย์ อายุยังไม่น่าจะถึง 30ปี ผ่าตัดไทยรอยด์ เธอเป็นผู้หญิงที่มีน้ำใจ ช่วยเหลือคนไข้คนอื่นๆ ที่อยู่ร่วมห้อง เธอมีแผลที่คอ จึงทำให้พยายามระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือน จึงทำให้เธอเดินเหมือนหุ่นยนต์ แต่เป็นหุ่นยนต์ที่น่ารักมาก เธอยิ้มเก่ง อัธยาศัยดี มีน้ำใจเหลือเกิน


ภาวนา นอนอยู่เตียงติดกับฉัน ทันที่ที่เห็นหน้า ฉันบอกได้ทันทีว่า"เธอเป็นมะเร็ง" ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ใบหน้าช่วงกราม คางของเธอดำเป็นรอยไหม้ จากการฉายแสง ตอนที่ฉันเข้าไปในห้องนั้นใหม่ๆ เธอกำลังรับเคมีบำบัดอยู่ เธอล่าให้ฟังว่าเธอเป็นมะเร็งระยะ 3 เริ่มจากการไปอุดฟัน แต่กลับกลายเป็นว่าโลหะที่อุดฟังกลับทำให้เธอเนมะเร็ง ลามไปที่เหงือกและฟันซี่อื่นๆ อีก หมอบอกว่าถ้าเธอไม่ตัดกรามออก ก็ต้องฉายแสง เธอเลือกฉายแสง เธอให้เหตุผลว่า หนู่เกิดมาไม่สวยน่ะพี่ ยังไงอย่าให้หนูต้องหน้าเบี้ยวอีกอย่างหนึ่งเลย


ฉันรับรู้ความเข้มแข็งของภาวนา เมื่อเธอบอกว่า หนูจะสู้กับมัน พอรับเคมีเสร็จหนูจะเพลียแล้วก็อาเจียน แต่หนูก็จะสู้ หนูจะพยายามกินอาหารที่มีประโยชน์ ให้มีเรี่ยวแรงที่จะต่อสู่กับมันไปอีกนานๆ ช่วงบ่าย สามีของภาวนาจะมาเยี่ยมและพูดปลอบให้กำลังใจ ทั้ง 2 วันที่ฉันอยู่ที่โรงพยาบาล


ฉันกลับมาบ้านแล้ว แต่ภาวนายังต้องนอนอยู่โรงพยาบาล เธออาเจียนตลอดเวลา กินอะไรไม่ได้เลย แขนเธอระโยงระยางด้วยสายน้ำเกลือ และขวดยา


การเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ ทำให้ฉันได้รับรู้ถึงความเข้มแข็งของผู้หญิง2คนที่กำลังต่อสู้กับโรคร้าย เห็นความน่ารัก มีน้ำใจของผู้หญิงอีก 1 คน มันคุ้มค่าจริง ๆ


ป้าบุญเรือน และภาวนา ช่วยสอนให้ฉันตั้งอยู่ในความไม่แน่นอนของชีวิต ให้ทำใจยอมรับว่าความตายมันอยู่ใกล้กันนิดเดียว หลังจากที่เมื่อ 3 เดือนที่แล้วฉันได้สูญเสียเพื่อนรัก ที่ตกเลือดภายหลังคลอดไปอย่างไม่มีวันกลับ

.....และ...ในวันนี้ที่ยังมีชีวิตอยู่.....ฉันขอทำดีถวายให้ในหลวง และประเทศชาติ....ฉันสัญญา