เกี่ยวกับฉัน

รูปภาพของฉัน
สุพรรณบุรี, Thailand
ผู้หญิงอายุเยอะ น้ำหนักมาก รักแมว ชอบเที่ยวป่า ดูนก แต่ไม่ตกปลา เกิดที่โรงพยาบาลเจ้าพระยายมราช สุพรรณบุรี เป็นลูกคนแรกที่แม่ไปคลอดที่โรงพยาบาล โดยไม่ผ่านมือหมอตำแย เป็นคนสุพรรณฯ เลือดร้อย เรียนอนุบาลและป.1 ที่โรงเรียนอนุบาลเสริมศึกษา(ปัจจุบันนี้ไม่มีแล้ว) ป.2-7 ที่โรงเรียนวัดสุวรรณภูมิ(ปัจจุบันคือโรงเรียนสุพรรณภูมิ ม.ศ.1-5 ที่โรงเรีงเรียนสงวนหญิง คบ.เอกเกษตรศาสตร์ จากวิทยาลัยครูพระนคร ศศบ. สารนิเทศาสตร์ จาก มสธ. กศม. การศึกษาผู้ใหญ่ จาก มศว. ปรด. จะจบหรือเปล่าไม่รู้ ที่ไหนยังไม่บอก เดี๋ยวจะทำสถาบันเสื่อมเสีย

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

ตลาดชุมชนริมแม่น้ำท่าจีน:ตลาดบ้านทึง

ตลาดบ้านทึง
ตลาดบ้านทึง ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน ถัดลงมาทางทิศใต้ของตลาด นางบวช ประมาณ 5 กิโลเมตร อยู่ในตำบลกระเสียว อำเภอสามชุก เจ้าของตลาดคนแรกคือนายอุดม (ฮูหยู) บูรณา เดิมมีร้านค้าประมาณ 20 ห้อง เป็นห้องแถวไม้ชั้นเดียว มีทางซอยเดินลงแม่น้ำ การค้าขายค่อนข้างคึกคัก สินค้าที่ขายเป็นประเภท พริก กะปิ หอม กระเทียม และค้าข้าว สินค้าเหล่านี้นอกจากการซื้อขายเป็นตัวเงินแล้ว ยังรวมไปถึงการแลกเปลี่ยน เช่น นำมะม่วงมาแลกกับมะพร้าวที่บรรทุกเรือมาจากราชบุรี สินค้าที่นำมาค้าขาย แลกเปลี่ยนที่ตลาดบ้านทึงนี้ ถ้าเป็นสินค้าการเกษตร เกษตรกรจะบรรทุกเกวียนมาเนื่องจากมีเส้นทางเกวียนไปทางตะวันตก ยาวจนถึงกาญจนบุรี ออกไปประเทศพม่า นอกจากสินค้าเกษตรแล้ว ในตลาดบ้านทึงยังมีบ่อนไก่ โรงฆ่าสัตว์ ทำให้มีความเคลื่อนไหวอย่างคึกคักในตลาด คนพื้นถิ่นในตลาดบ้านทึง ส่วนใหญ่เป็นคนจีน ซึ่งมีทั้งจีนไหหลำ และจีนแคะ ส่วนคนไทยจะเป็นชาวนาที่นำข้าวบรรทุกเกวียนมาขาย
ตลาดบ้านทึงในปัจจุบันมี ร้านค้าที่ยังดำเนินกิจการอยู่ประมาณ 6 – 7 ร้าน โดยสินค้าที่ขายได้แก่ร้านชำ ที่ขายเครื่องอุปโภค บริโภค เล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับร้านค้าที่ใหญ่ที่สุด เป็นร้านค้าที่ขายสินค้าจำพวกเคมีการเกษตร ทั้งปุ๋ย และยาฆ่าแมลง

ตลาดชุมชนริมแม่น้ำท่าจีน:ตลาดนางบวช




ตลาดนางบวช
ตลาดนางบวช ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำท่าจีน ถัดลงมาทางทิศใต้ของตลาด ท่าช้าง ประมาณ 7 กิโลเมตร ตลาดนางบวชก็เช่นเดียวกับตลาดท่าช้าง คือหันหน้าลงสู่แม่น้ำท่าจีน เพื่อรองรับลูกค้าที่เดินทางมาโดยทางเรือ สินค้ารวมทั้ง พ่อค้า แม่ค้า ไม่แตกต่างจากตลาดท่าช้าง การแลกเปลี่ยนสินค้าที่ตลาดนางบวชไม่ได้เน้นเป็นตัวเงิน แต่จะใช้การแลกเปลี่ยน เช่น ชาวนาที่อยู่ในทุ่งตะวันออกจะนำข้าวเปลือกมาและกับ หอม กระเทียม มะพร้าว น้ำตาล ที่บรรทุกเรือมาจากทางราชบุรี นอกจากนี้ยังมีตลาดสดขายในช่วงเช้า และเย็น แต่ปัจจุบันบริเวณที่เคยเป็นตลาดสดได้กลายเป็นสนามเด็กเล่นไปแล้ว ตลาดริมน้ำมีเพียงร้านขายก๋วยเตี๋ยวที่เปิดขายมาตั้งแต่สมัยตลาดยังรุ่งเรือง เปิดขาย และร้านขายยาเล็ก ๆ ห้องแถวที่เคยเป็นร้านค้ากลายเป็นที่พักอาศัย ย่านการค้าขยับขึ้นไปติดกับถนนสายสุพรรณบุรี - ชัยนาท

ตลาดชุมชนริมแม่น้ำท่าจีน:ตลาดท่าช้าง


ตลาดท่าช้าง
ตลาดท่าช้างตั้งอยู่ที่บ้านเดิมบาง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นตลาดที่อยู่เหนือสุดของจังหวัด ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำท่าจีน แต่เดิมตัวตลาดหันหน้าลงแม่น้ำ พ่อค้า แม่ค้าส่วนใหญ่เป็นคนจีน สินค้าที่ทำการค้าขาย ได้แก่ สินค้าทางการเกษตร พริก หอม กระเทียม และข้าว ในบริเวณที่ตั้งของตลาดมีโรงสีตั้งอยู่ รวมทั้งสินค้าอุปโภคอื่น ๆ เช่น สบู่ ผงซักฟอก การเดินทางไปยังตัวจังหวัดสุพรรณบุรี ต้องเดินทางโดยทางเรือ ผู้จะเดินทางเข้าจังหวัดจะต้องมาขึ้นเรือที่ท่าเรือหน้าตลาด โดยสารเรือบริษัท ซึ่งเป็นเรือสองชั้นขนาดใหญ่ ที่มีต้นสายจากจังหวัดชัยนาท หรือเรือแท็กซี่ ที่บางคนก็เรียกเรือไอ เนื่องจากเป็นเรือที่มีขนาดไม่ใหญ่ เครื่องยนต์จะอยู่กลางลำเรือ มีปล่องไอเสียโผล่ขึ้นพ้นหลังคาเรือ เรือจะล่องมาตามลำน้ำท่าจีนจนกระทั่งถึงบ้านทึงในอำเภอสามชุก ผู้โดยสารจะต้องถ่ายเรือที่นี่ เนื่องจากมีประตูน้ำขวางอยู่ การเดินทางจะเริ่มตั้งแต่เช้าถึงตัวจังหวัดก็เป็นเวลาเย็น ต่อมาเกิดไฟไหม้ที่ตลาดท่าช้าง กอปรกับการพัฒนาเส้นทางคมนาคม การเดินทางสะดวกขึ้น การเดินทางตามเส้นทางน้ำคลายความสำคัญลง ร้านค้าในตลาดเริ่มปรับตัว โดยการขยับขึ้นห่างจากแม่น้ำ ร้านค้าที่เคยหันหน้าลงแม่น้ำ ก็เปลี่ยนทิศทางโดยหันหน้าเข้าหาถนน หันหลังให้แม่น้ำ ปัจจุบัน ย่านค้าขายของตลาดท่าช้างขยายตัวและขยับขึ้นห่างจากริมฝั่งน้ำ ทำให้บริเวณที่เป็นตลาดริมน้ำเดิมซบเซา มีเพียงท่าเรือจ้างที่ยังคงให้บริการอยู่

ตลาดเก่าชุมชนริมแม่น้ำท่าจีน: บริบท

บริบทของตลาดชุมชนริมแม่น้ำท่าจีนในจังหวัดสุพรรณบุรี

แม่น้ำท่าจีน เป็นแม่น้ำที่แยกจากแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ปากคลองมะขามเฒ่า ในอำเภอ วัดสิงห์ แม่น้ำท่าจีนนี้เรียกชื่อแตกต่างกันไปตามพื้นถิ่นที่ไหลผ่าน ดังนี้ ช่วงที่แยกจากปากคลองมะขามเฒ่า ชาวชัยนาทเรียกแม่น้ำมะขามเฒ่า ไหลผ่านจังหวัดสุพรรณบุรีเรียกแม่น้ำสุพรรณ ผ่านนครปฐมเรียกว่าแม่น้ำนครชัยศรี จนกระทั่งไหลสู่อ่าวไทยที่จังหวัดสมุทรสาครจึงเรียกว่าแม่น้ำท่าจีน จังหวัดที่แม่น้ำท่าจีนไหลผ่านนั้น จังหวัดสุพรรณบุรี ถือเป็นจังหวัดที่แม่น้ำท่าจีนไหลผ่านเป็นระยะทางยาวที่สุด คือประมาณ 300 กิโลเมตร โดยไหลผ่านอำเภอเดิมบางนางบวช อำเภอสามชุก อำเภอศรีประจันต์ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี อำเภอบางปลาม้า และอำเภอสองพี่น้อง (วิศาล สมคิด . 2531 : 2)
การตั้งถิ่นฐานของผู้คนในสมัยก่อน จะยึดแม่น้ำเป็นหลัก ทั้งนี้เพราะต้องใช้น้ำอุปโภคและบริโภค ตลอดทั้งเป็นเส้นทางคมนาคม ไปมาหาสู่ และซื้อขายกัน ถิ่นฐานบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมสองฟากฝั่งขนานไปกับความยาวของแม่น้ำโดยมากจะมีชื่อคำแรกว่า “บาง” หรือ “ท่า” ทำมาหากินด้านการเกษตรกรรมโดยเฉพาะการทำนา โดยจะมีทุ่งสำหรับการทำนาซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านออกไป เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นที่ลุ่ม จึงมีน้ำเพียงพอสำหรับการทำนา การไปมาหาสู่ ติดต่อกันเป็นไปได้สะดวก มาตั้งแต่สมัยโบราณ เพราะมีเรือล่องผ่านหน้าบ้านทุกวัน ทำให้เครือข่ายของชุมชนกว้างขวาง ลักษณะของชุมชนจึงเป็นชุมชนเปิด และเป็นเครือข่ายมากกว่าเป็นเอกเทศ (ฉัตรทิพย์ นาถสุภา . 2541 : 196 - 197) ชาวสุพรรณบุรีก็เช่นเดียวกับชุมชนแถบที่ลุ่มภาคกลางอื่น ๆ ที่มีความผูกพันกับสายน้ำ โดยในสมัยโบราณ เมืองอู่ทองที่ตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจระเข้สามพันได้อาศัยแม่น้ำสายนี้ในการดำรงชีวิต ต่อมาเกิดช่องทางของภูเขา ทำให้สายน้ำไหลไปทางอื่น ทำให้แม่น้ำจระเข้สามพันแคบ และตื้นเขิน เกิดโรคระบาดผู้คนจึงละทิ้งเมืองมาทางที่ลุ่มตะวันออกซึ่งมีแม่น้ำสุพรรณไหลผ่านเกิดเป็นชุมชนที่สืบเชื้อสายผ่านยุคต่าง ๆ อาศัยความอุดมสมบูรณ์ของลำน้ำในการดำรงชีวิต(ดอกอ้อ แตงอ่อน และ อนุศักดิ์ คงมาลัย . 2545 : 33)
การตั้งชุมชนริมแม่น้ำท่าจีนนั้นทำให้เกิดการซื้อขายแลกเปลี่ยนจนเกิดเป็นตลาดค้าขายริมแม่น้ำหลายแห่ง อีกทั้งเป็นการสะดวกต่อการคมนาคมอีกด้วย ตลาดค้าขายที่สำคัญคือตลาดในตัวเมืองซึ่งเป็นศูนย์การปกครอง และมีประชากรตั้งชุมชนอยู่เป็นจำนวนมาก ตลาดตามตัวเมืองจะเป็นตลาดขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าตลาดชุมชน เช่น ที่ตลาดเมืองสุพรรณบุรี มีการตั้งร้านขายของบริเวณทางเดินสองข้างหลายสิบร้าน และบริเวณแม่น้ำยังมีแพจอดขายสินค้าต่าง ๆ ถึง 50 แพ (หจช.,ร.5 ม.2. 14/104 อ้างในมณฑล คงแถวทอง . 2527 : 125) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเคยเสด็จประพาสจังหวัดสุพรรณบุรีถึง 2 ครั้ง ในพ.ศ. 2447 และ พ.ศ. 2451 โดยในการเสด็จประพาสในครั้งที่ 2 ที่ทรงเสด็จประพาสมณฑลนครสวรรค์และเมืองสุพรรณบุรี ได้ทรงพระราชนิพนธ์บรรยายการเดินทางเข้าทางลำน้ำมะขามเฒ่า ผ่านลงมาทางอำเภอนางบวช จนกระทั่ง ถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พระองค์ทรงบรรยายสภาพบ้านเมืองและสถานที่สำคัญ ๆ ในช่วงของเมืองสุพรรณบุรี ว่า เดิมบาง ซึ่งในสมัยของพระองค์ ขึ้นกับเมืองชัยนาท เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ บ้านเรือน ใหม่ ๆ และวัดใหม่เรียงรายเป็นระยะตลอดริมฝั่งน้ำ อำเภอเดิมบาง มีวัดเก่าที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยเสด็จในปี พ.ศ. 2450 มีหมู่บ้านเล็ก ๆ เช่น บ้านท่าช้าง ซึ่งปัจจุบันคือตลาดท่าช้าง และบ้านสามชุก คืออำเภอสามชุกในปัจจุบัน เป็นหมู่บ้านริมน้ำ ผู้คนยังเบาบาง พระองค์ทรงบรรยายถึงอำเภอศรีประจันต์ว่า เมื่อล่องตามแม่น้ำสุพรรณหรือแม่น้ำท่าจีน จะเข้าเขตเมืองสุพรรณก็เริ่มเห็นบ้านเรือนผู้คนหนาแน่นขึ้น แสดงว่าผู้คนในอำเภอนี้ยังเบาบาง แต่ก็พบชุมชนและวัดตั้งอยู่ตลอดริมน้ำ เมื่อถึงอำเภอเมือง มีบ้านเรือนหนาแน่นขึ้น และในตำบลต่าง ๆ มักมียุ้งข้าวตั้งรวมกัน ประมาณ 4 – 7 หลังเป็นกลุ่มตลอดลำน้ำ แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ และทรงเล่าว่า “เขาว่าที่เมืองนี้ไม่เหมือนกรุงเก่า ถ้าไม่เห็นข้าวใหม่ในนาแล้ว ไม่เปิดยุ้งจำหน่าย” ส่วนอำเภอบางปลาม้าและอำเภอสองพี่น้อง ประชากรส่วนใหญ่จะเป็นชาวจีนและชาวลาวปะปนกันอยู่ (มหาวิทยาลัยศิลปากร . 2546 : 3-16 – 3-17)
การค้าขายของตลาดริมน้ำนี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะการค้าบนตลาดบกที่อยู่ติดริมน้ำเท่านั้น
แต่ได้ขยายตัวทางการค้าไปตามลำแม่น้ำด้วย กล่าวคือ มีเรือพ่อค้าล่องไปตามลำน้ำเพื่อซื้อสินค้าจากราษฎร(มณฑล คงแถวทอง . 2527 : 127) ย่านการค้าริมแม่น้ำท่าจีนในช่วงที่ไหลผ่านจังหวัดสุพรรณบุรีนั้น ถ้าใช้ตัวจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นจุดเริ่มต้นไปทางทิศเหนือ จะมีตลาดที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ท่าจีนอยู่ถึง 8 ตลาด ได้แก่ตลาดโพธิ์พระยา ตลาดศรีประจันต์ อยู่ริมฝั่งขวาของแม่น้ำท่าจีน ฝั่งตรงข้ามกับตลาดศรีประจันต์ คือ ตลาดบ้านกร่าง เมื่อขึ้นเหนือไปตามแม่น้ำท่าจีนอีกก็จะเป็นที่ตั้งของตลาดบางขวาก ตลาดสามชุก ที่อยู่ฝั่งขวาแม่น้ำท่าจีน ถัดขึ้นไปเป็นตลาดบ้านทึง ตลาดนางบวช และตลาดท่าช้าง แต่หากล่องลงมาทางด้านทิศใต้จากตัวจังหวัดสุพรรณบุรี ก็จะพบตลาดเก้าห้อง ตลาดบางปลาม้า ตลาดคอวัง ตลาดบางแม่หม้าย ตลาดบางสะแก ตลาดบ้านกุ่ม ตลาดบางสาม และตลาดบางซอ ซึ่งแต่ละตลาดจะทำหน้าที่เป็นจุดแลกเปลี่ยนสินค้าด้านการเกษตร ซื้อขายเครื่องอุปโภค บริโภค